วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เคล็ด (ไม่) ลับกับความสุขใจในวัยทำงาน


เคล็ด (ไม่) ลับกับความสุขใจในวัยทำงาน
รศ.ดร.สุชีรา  ภัทรายุตวรรตน์
ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราพยาบาล

            เมื่อพิจารณาพัฒนาการของมนุษย์เราแล้ว จะเห็นได้ว่า ช่วงของวัยทำงานดูจะเป็นช่วงที่ยาวนานที่สุด คือจากอายุ 20 – 60 ปี (เกษียนอายุ  60 ปี หรือในปัจจุบันขยายช่วงอายุการต่อเกษียณออกไปเป็น 65 ปี ) ซึ่งหมายความว่า มนุษย์ใช้เวลาถึง 40 ปีกับการใช้ชีวิตในการทำงาน บางท่านก็พบว่า 40 ปี แห่ง การทำงานนั้นช่างเป็นช่วงแห่งการทนทุกข์ทรมานเสียเหลือเกิน ในขณะที่คนบางคนกลับพบว่า มันช่างเป็นช่วงแห่งความมีความสุขของชีวิต  ประการหลังนี้ถือว่าเป็นความโชคดีเป็นอย่างยิ่ง
            ประเด็นเกี่ยวกับทำอย่างไรให้มีความสุขกับการทำงานนั้น มีผู้กล่าวถึงเทคนิคและแนวทางกันอย่างมากมาย  มีทั้งแต่งตำรา หรือเขียนเป็นหนังสือ และพบว่าติดอยู่ในกลุ่มประเภทหนังสือที่ขายดี (best seller)มากที่สุดก็ว่าได้ หรือบ่อยครั้งก็สรุปเป็นประเด็นสั้น ๆ เช่น บัญญัติ 10 ประการกับการทำงานให้มีความสุข, 1 2 3 4 5 ….วิธีกับความสุขในการทำงาน,  30 วันกับ 30 วิธีในการทำงานให้มีความสุข เป็นต้น

 เทคนิค 5 - เคล็ด (ไม่) ลับกับความสุขใจในวัยทำงาน
            เนื่องจากเรากำลังอยู่ในกระแสของ 5 ส เพื่อเพิ่มการทำงานให้มีประสิทธิภาพ  ที่นำมาใช้กันอย่างแพร่หลายหรือเรียกว่าท็อปฮิตติดตลาดก็ว่าได้  และคงปฏิเสธไม่ได้ว่า เราก็ต้องปฏิบัติตามไม่มากก็น้อย จึงขอโหนกระแสของ เทคนิค 5   มาใช้กับการนำเสนอ เทคนิค 5 - เคล็ด (ไม่) ลับ กับความสุขใจในวัยทำงาน   เพื่อเป็นทางเลือก สำหรับผู้ที่กำลังเริ่มเครียด หรือรู้สึกเบื่อหน่ายกับการทำงาน
  
ส ที่ 1  สดชื่น
          เริ่มงานอย่างสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ปลอดโปร่ง
ความ สดชื่น กระปรี้กระเปร่า ปลอดโปร่ง จะช่วยให้สมองโล่ง ตื่นตัวที่จะคิดและทำงานทั้งง่ายและยากได้อย่างสดใส ไม่กลัว และมีมุมมองต่องานและปัญหาได้อย่างแหลมคมเสมอ
            การ พักผ่อนเป็นสิ่งที่สำคัญกับชีวิตของการทำงาน ถ้าเราพักผ่อนไม่เพียงพอ จะทำให้การทำงาน ลดประสิทธิภาพลง ดังนั้นเราจึงต้องกำหนดเวลาพักผ่อน เวลาทำงาน และเวลาอื่นๆ ให้เหมาะสมกับชีวิตของตนเอง มีสูตรง่าย ๆ ในการจัดสรรเวลาของเราในช่วง 1 วัน ดังนี้คือ แบ่งเวลา 24 ชั่วโมง ออกเป็น 3 ส่วน คือ 8-8-8  โดยส่วนแรกสำหรับการนอนหลับ ส่วนที่สองสำหรับการทำงาน และส่วนที่สามสำหรับการพักผ่อนหรือการทำงานอดิเรก   จะช่วยสร้างพลังให้แก่คุณ เพื่อออกไปรบรากับภารกิจมากมายที่คอยท่าอยู่ในวันรุ่งขึ้น
            นอกจากนี้การออกกำลังกายก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่จะทำให้คุณสดชื่น  การ ออกกำลังกายเมื่อรู้สึกเครียดจากการทำงานการออกกำลังกายจนเหนื่อยและเหงื่อ ออกจะช่วยคลายเครียดได้หลังเลิกงานหรือในวันหยุดควรออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา กับกลุ่มเพื่อนจะรู้สึกสนุกสนานและเพลิดเพลินยิ่งขึ้นการช่วยกันทำงานบ้านใน วันหยุดก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายที่ดีและช่วยกระชับความสัมพันธ์ในครอบ ครัว
และอย่าลืมเรื่ออาหารการกิน มีผู้กล่าวไว้ว่า (ต้องใช้คำนี้เนื่องจากฟัง ๆ มาโดยไม่สามารถอ้างอิงได้ว่าผู้ใดกล่าวไว้เป็นคนแรก) คือรับประทานอาหารเช้าอย่างราชา ทานอาหารกลางวันอย่างสามัญชน และรับประทานอาหารเย็นอย่างยาจก ซึ่งหมายความว่า ควรทานอาหารเช้าให้มาก จะได้มีสมองและร่างกายที่พร้อมจะทำงาน  อาหารกลางวันทานแต่พอเหมาะ และทานอาหารเย็นแต่น้อย นั่นเอง

ส ที่ 2  สู้งาน
            งานคือความท้าทาย(ที่ไม่หยุดนิ่ง)  มัก จะมีสิ่งต่าง ๆ เข้ามาให้เราต้องคอยแก้อยู่เสมอ อย่าใช้แค่ความเคยชินทำงาน (นั่นหมายความว่าคุณกำลังทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม) แต่ต้องตื่นตัวที่จะเรียนรู้กลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อนำไปใช้พิชิตปัญหา งานจะสำเร็จได้ดั่งใจเสมอ และตัวคุณเองก็จะพัฒนาก้าวหน้าได้มากตามไปด้วย
            ลักษณะ ผู้ที่สู้งานคือ มีความมุ่งมั่น อดทน แข็งแกร่ง (ล้วนแล้วแต่เป็นคำที่ฟังแล้วดูมีพลัง)ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ความมุ่งมั่นจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักของความสำเร็จในอาชีพการงาน ซึ่งจะช่วยให้คุณบรรลุความสำเร็จ ถึงแม้ว่างานที่ได้รับมอบหมายนั้นจะยากลำบากก็ตาม และยังเป็นกุญแจสำคัญให้คุณก้าวถึงจุดมุ่งหมายของอาชีพการงานในระยะยาวอีก ด้วย   โดยทั่วไปผู้ที่มีความมุ่ง มั่นก็มักจะมีความกระตือรือร้นและรู้จักหน้าที่ของตนเอง ถ้าคุณรักงานที่ทำอยู่ คุณภาพของงานก็จะโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด
            อย่างไรก็ตามอย่าจริงจังกับงานและชีวิตจนเคร่งเครียด  แบ่งงานออกเป็นส่วน ๆ แล้วลำดับความสำคัญของงาน โดยเริ่มด้วยการสะสาง  ลงมือ แล้วแก้ไข  ในที่สุดคุณก็ทำได้

ส ที่ 3  สัมพันธภาพ
         
สัมพันธภาพเริ่มจากการเริ่มต้นทักทาย การแสดงความเป็นมิตรกับบุคคลต่าง ๆ  รวม ไปถึงการแสดงความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใย การแสดงไมตรีจิตกับผู้อื่น ตลอดจนการแสดงกิริยาท่าทางและการใช้วาจาเพื่อสร้างความคุ้นเคย การรักษาความสัมพันธ์อันดีงามไว้ซึ่งพฤติกรรมต่าง ๆ เหล่านี้จะทำให้คุณมีเพื่อนหรือเครือข่ายที่กว้างขวางที่พร้อมจะให้ข้อมูล และให้ความร่วมมือกับคุณในการทำงานใด ๆ ก็ตาม นอกจากนี้การที่คุณมีเครือข่ายมากมายย่อมหมายถึงคุณได้รับการยอมรับจากกลุ่ม คนเหล่านั้นซึ่งพร้อมที่จะช่วยเหลือคุณอยู่ตลอดเวลา
            คน เราไม่สามารถทำงานคนเดียวเพียงตามลำพังได้ แน่นอนว่าทุกคนย่อมต้องมีการติดต่อสัมพันธ์กับผู้อื่นไม่มากก็น้อย การทำงานร่วมกับบุคคลอื่นเป็นสิ่งที่ยากหรือไม่บางคนมีพฤติกรรมที่สามารถ ปรับตัวและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี แต่บางคนประสบปัญหาในการทำงานร่วมกับบุคคลต่าง ๆ โดยจะเห็นได้จากการไม่ได้รับความช่วยเหลือ หรือร่วมมือใด ๆ รวมทั้งการไม่ได้รับข้อมูลต่าง ๆ ที่ต้องการ   อย่าฉายเดี่ยว การ สร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานการที่ผู้ร่วมงานมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อ กันร่วมมือกันในการทำงานจะทำให้เกิดความอบอุ่นมีกำลังใจและสนุกสนานกับงาน มากกว่าการทำงานโดยลำพังงาน
            สัมพันธภาพนำไปสู่ความสามัคคี  หรือ ความปรองดองเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน การร่วมมือกันทำงานให้สำเร็จลุล่วง ในการทำงานต้องมีความจริงใจต่อกัน มองคนอื่นในแง่ดี มีส่วนร่วมในงานเต็มกำลังความสามารถ รับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติ ปรับตนเองให้เข้ากับผู้อื่นได้ มนุษย์สัมพันธ์เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เพราะมีส่วนสำคัญในการทำงานร่วมกันเป็น หมู่คณะ

ส ที่ 4  สื่อสาร
         
การ สื่อสารในองค์กร เป็นกระบวนการในการแลกเปลี่ยนข่าวสารของหน่วยงานกับบุคลากรทุกระดับภายใน องค์กร ซึ่งมีความสัมพันธ์กันภายใต้สภาพแวดล้อม บรรยากาศขององค์กร และสังคม ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ตาม สถานการณ์
            การ สื่อสารในองค์ที่เกิดขึ้นเพื่อการประสานงาน และสร้างความเข้าใจต่อกัน ทั้งนี้ก็เพื่อให้งานสำเร็จตามเป้าหมายสนทนาแลกเปลี่ยนกับบุคคลที่เกี่ยว ข้องกับงานอยู่เสมอ
            การ พูดอย่างสร้างสรรค์จะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงานสวัสดีขอโทษขอบคุณ เป็นประโยคที่ควรพูดติดปากแสดงถึงการมีมรรยาทและเป็นเสน่ห์แก่ผู้พูดหมั่น พูดชมเชยไต่ถามทุกข์สุขให้กำลังใจประสานความเข้าใจเพื่อลดความขัดแย้งในการ ทำงานจะช่วยตัดปัญหาลดความเครียด

ส ที่ 5  สุขใจ
          ทำ งานด้วยความสุขใจ ไม่มีผู้ใดที่อยากทำงานกับคนหงุดหงิด ดังนั้นการมีอารมณ์ที่ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาไพเราะ และมองโลกในแง่ดี ถึงแม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย นับได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานด้วยความสุขใจ ที่สร้างการมองโลกในแง่ดี และเป็นพลังบวกในที่ทำงานของคุณ รวมทั้งเป็นความรู้สึกที่จริงใจอย่างแท้จริง
            เมื่อ คุณยิ้มแย้มแจ่มใสและมองโลกในแง่ดีในที่ทำงาน คุณก็จะมีแต่ความสุขใจ และสังเกตได้ว่าเพื่อนร่วมงานต่างก็ปรารถนาให้คุณประสบความสำเร็จในหน้าที่ การงาน รวมทั้งประสบแต่สิ่งดี ๆ ในชีวิต
            หา โอกาสสนทนากับผู้สูงอายุและผู้เยาว์บ้าง เพื่อช่วยให้เกิดความเข้าใจในบุคคลซึ่งมีวัยและประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่าง จากเรา เพื่อปรับเปลี่ยนมุมมองในการใช้ชีวิต รวมทั้งสร้างพลังแห่งความเมตตาให้เกิดขึ้นเป็นนิสัย โดยให้อภัยแก่ทุกคนที่ก่อปัญหาให้กับเรา ไม่ว่าปัญหาเหล่านั้นจะเล็กหรือใหญ่ก็ตาม

ดังนั้นการใช้เทคนิค 5ส (เดิม) และเทคนิค 5 ส (ใหม่) นี้ น่าจะทำให้เกิดการผสมผสาน ระหว่างประสิทธิภาพในเชิงกายภาพและจิตภาพ  ซึ่งจะทำให้เกิดความสมบูรณ์แบบของการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างยั่งยืนนั่นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น